วานนี้ (29 มิ.ย.) มีการเผยแพร่ภาพรถยนต์โตโยต้า วีออส สีขาวพุ่งเข้าชนรถจักรยานยนต์ ที่ปากซอยไทยจังโหลน 13 ภายในเทศบาลตำบลสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา โดยในที่เกิดเหตุพบ รถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีดำ และรถยนต์ซูซูกิ สีดำ จอดอยู่ในสภาพที่พังทั้งหมด
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า น.ส.รุ่งนภา อายุ 37 ปีผู้ขับรถยนต์
ได้ขับรถไล่ชนรถจักรยานยนต์ของนายสมพงษ์ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นแฟน มาจากซอยไทยจังโหลน 9 ด้วยความเร็ว จากนั้นก็มาหยุดและทะเลาะกันที่ปากซอย นายสมพงษ์รีบขี่รถจักรยานยนต์หนีด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงร้านแมคโดนัลด์ ถ.กาญจนวณิชย์ รถของ น.ส.รุ่งนภา ได้เฉี่ยวรถยนต์ซูซูกิสีดำที่จอดอยู่อย่างแรง ในขณะที่กำลังพุ่งชนรถจักรยานยนต์ของนายสมพงษ์จนล้มลง ส่วนรถยนต์ของ น.ส.รุ่งนภา ก็พลิกคว่ำหงาย
นายสมพงษ์และผู้หญิงที่ซ้อยท้ายมาทราบชื่อสั้นๆ ว่า ‘อ้อม’ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วน น.ส.รุ่งนภา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นอกจากนี้ รถยนต์ซูซูกิสีดำของน.ส.วิมลรัตน์ อายุ 42 ปี ที่จอดอยู่ก็ได้รับความเสียหาย ล้อระเบิด ยางแตก
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก รถตระเวนข่าว V.2 รายงานว่า นายธนินท์รัฐ ธนเศรษฐ์โตกุล นักธุรกิจหนุ่มได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ 3 พ่อลูก พร้อมทั้งเสนองานให้ผู้เป็นพ่อทำ หลังจากเฟสบุ๊ก พิชญุตม์ ฉวีจันทร์ ได้เผยแพร่ภาพทั้งสามคนพ่อลูก นอนหิวโซหน้าธนาคารแห่งหนึ่ง ย่านบางนา อุดมสุข และมีการแชร์โพสต์นี้ออกไปจำนวนมาก โดยทั้งสามทำของมาขายข้างทาง และผู้โพสต์ได้โพสต์เพื่อขอให้คนช่วยกันไปอุดหนุนของของสามพ่อลูก
นายธนินท์รัฐได้ระบุว่า “เป็นอีกหนึ่งวันที่ซาบซึ้งใจ ทำความดีแล้วมันดีอย่างนี้เอง” และ “วันนี้ผมได้พบกับครอบครัวนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ผมได้จัดการปัญหาเบื้องต้นให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากวันพรุ่งนี้น้องแพนเค้ก (เด็กผู้หญิง) จะได้ไปโรงเรียนตามปกติพร้อมชุดนักเรียนใหม่เอี่ยมครบชุด น้องเรียนอยู่โรงเรียนวัดศรีเอี่ยมส่วนคนน้องชายชื่อน้องแฟนต้า ยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าเรียน แต่ก็ได้เสื้อผ้าใหม่ไปหลายชุด”
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า “คนเป็นพ่อชื่อนายเอ เบื้องต้นผมให้เงินสำหรับทำทุนเพื่อค้าขายเบื้องต้นไปเล็กน้อย คนเป็นพ่อยังมีปัญหาที่ยังปลงไม่ตกเกี่ยวกับเมียที่หนีไป จึงยังไม่ไปทำงานกับผมคนพ่อบอกขอเวลาตามหาเมียอีก 2 เดือน ถ้าไม่เจอจะตัดสินใจไปทำงานกับผมอีกที”
“น้องแพนเค้กเป็นเด็กน่ารักมากครับ สมกับที่มีคนหลายๆ คนเมตตา ช่างพูดช่างเจรจา เป็นห่วงและรักน้องชายมาก ก่อนเราจากกันน้องสัญญาว่าโตขึ้นเค้าจะเป็นคนดี จะทำแต่ความดี (ผมนี่น้ำตาไหลเลยครับ)”
สาวใหญ่ใจสลาย ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ หลังสามีถูกกิ๊กแทงเสียชีวิตเรื่องหึงหวง
วานนี้ (29 มิ.ย.) มีเหตุชายถูกแทงเสียชีวิตในซอยอ่อนนุช 17 แยก 20 ทราบชื่อคือนายวีระชัย โพธิ์ทอง อายุ 44 ปี ชาว จ.สุรินทร์ มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดที่บริเวณลิ้นปี่ 1 แผล
ผู้ที่แทงคือ น.ส.จินดาพร กะตะโท อายุ 41 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ยังอยู่ในที่เกิดเหตุเมื่อตำรวจและมูลนิธิฯไปถึง โดยน.ส.จินดาพร นั่งร้องไห้ครวญครางอยู่ พร้อมอาวุธมีดปอกผลไม้ยาวประมาณ 5 นิ้ว และเล่าให้ตำรวจฟังว่า ตนทำงานเป็นพนักงานในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง พบกับนายวีระชัยเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา นายวีระชัยมีอาชีพขับรถให้เจ้าของบริษัทชาวญี่ปุ่น และขับรถแท็กซี่ โดยได้มาเป็นลูกค้าในร้านคาราโอเกะและตีสนิทจนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งและให้ตนออกจากงาน นายวีระชัยเป็นผู้เลี้ยงดูและเช่าห้องพักให้ในซอยที่เกิดเหตุ
เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทั้งสองดื่มเบียร์กันที่ห้องพักและเกิดมีปากเสียงกัน เพราะตนคิดว่าฝ่ายชายปันใจให้หญิงอื่น จากนั้นฝ่ายชายก็ขอร่วมหลับนอนด้วย ตนจึงท้าทายให้ไปนอนกับหญิงอื่น และมีการลงไม้ลงมือกัน ฝ่ายชายพยายามจะออกจากห้องพัก ตนจึงหยิบอาวุธมีดในห้องไล่ทำร้ายจนผู้ตายสิ้นใจ
ด้านภรรยาตัวจริงของนายวีระชัย นางกรวิกา โพธิ์ทอง เผยทั้งน้ำตาว่า ตนรู้มาตลอดว่าสามีมาติดพันกับน.ส.จินดาพร แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เพราะให้โอกาสสามีมาเสมอ ส่วนน.ส.จินดาพรนั้น ตนไม่รู้จักกันมาก่อน ก่อนเกิดเรื่องสามีบอกกับตนว่าจะมาเลิกกับน.ส.จินดาพร พร้อมเอารถจักรยานยนต์ที่ให้ฝ่ายหญิงยืมไว้คืน
สามีตนเล่าว่าเขาจับได้ว่าน.ส.จินดาพรพาผู้ชายมานอนที่ห้อง และโพสต์รูปลงเฟซบุ๊ก อีกทั้งสามียังบอกว่าผู้หญิงคนนี้ขาดผู้ชายไม่ได้ จึงอยากตีตัวออกห่างและเลิกยุ่ง
ช่วงกลางดึกตนติดต่อสามีไม่ได้ และมาทราบเรื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับน.ส.จินดาพร ฝ่ายเมียน้อยอ้างว่าไม่รู้ว่าสามีตนมีลูกมีเมีย และวางสายไป ตนยอมรับว่ายังโกรธและจะไม่ให้อภัย อยากให้คนก่อเหตุได้รับกรรม สุดท้ายนี้ อยากให้สามีขอให้ไปสบาย ไปในที่ที่ดี ให้หมดห่วงลูกทั้ง 2 คน และปัญหาต่าง ๆ ตนจะเป็นคนดูแลเอง